ทําไมคุณควรดื่มชามะรุม

มะรุมประกอบด้วยธาตุเหล็กมากเป็นสามเท่าของผักโขมและสารอาหารอย่างแคลเซียม วิตามินเอ โพแทสเซียม วิตามินบี 6 วิตามินซี แมกนีเซียม และเบตาแคโรทีน จึงไม่น่าแปลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'ต้นไม้มหัศจรรย์' นอกจากนี้พืชชนิดนี้ยังนำมาใช้ได้หลากหลายรูปแบบอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาหารเสริม หรือเครื่องดื่มสุขภาพในรูปแบบของชา 

มะรุมที่เสิร์ฟเป็นเครื่องดื่มมีคุณประโยชน์มากมายทางสุขภาพ ที่จะทำให้คุณอยากดื่มแก้วที่สองสาม สี่ ไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ซึ่งทำให้รู้สึกแข็งแรงขึ้นโดยรวม วิธีชงชามะรุมจะคล้ายๆ มัทฉะ เพียงแค่เทผงมะรุมลงในน้ำร้อนเท่านั้นเอง

ด้านล่างนี้ มีบทสรุปของประโยชน์ด้านสุขภาพของชามะรุมที่ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัย 

 

 

มะรุมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพและเชื้อรา

ในการทดสอบของห้องปฏิบัติการพบว่าสารสกัดมะรุมมีประสิทธิภาพมากกว่ายาปฏิชีวนะในการกำจัดแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการควบคุมการติดเชื้อในช่องปาก และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นสารที่ดีต่อช่วยแก้ปัญหาทางเดินอาหาร การติดเชื้อในเลือดและทางเดินปัสสาวะ  

มะรุมมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ 

อุอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล ไอโซไธโอไซยาเนต แอสคอร์บิก แอซิด ฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ ที่ทำให้ผงมะรุมดูเหมือนมีฤทธิ์ต้านการอักเสบชั้นดี หมายความว่าสามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและโรคภัยไข้เจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

ช่วยปกป้องระบบไหลเวียนเลือดและตับ

น้ำใบมะรุมมีประโยชน์ต่อหัวใจสุขภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาความดันโลหิตและควบคุมไขมันในเลือดให้คงที่ พร้อมทั้งลดปริมาณคอเลสเตอรอล เนื่องจากใบและดอกมะรุมมีโพลีฟีนอลที่มีความเข้มข้นสูง จึงช่วยปกป้องตับจากการเกิดออกซิเดชัน ความเป็นพิษ และการถูกทำลายต่างๆ การนำมาทำเป็นชามะรุมซึ่งเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นนี้สามารถฟื้นฟูเอ็นไซม์ในตับให้อยู่ในระดับปกติ ลดภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน และเพิ่มปริมาณโปรตีนในตับ 

ประกอบด้วยสารต้านมะเร็ง

ในสารสกัดจากใบมะรุมมีสารฟีนอลที่เรียกว่ายูจีนอลที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง และยังมีไนอาซิมิซินซึ่งเป็นสารประกอบที่ยับยั้งการพัฒนาเซลล์มะเร็งอีกด้วย

ช่วยควบคุมความดันโลหิต

ว่ากันว่าชามะรุมช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ด้วยนะ จนได้รับการยกย่องว่ามีเควอซิทินอยู่ซึ่งกล่าวกันว่าช่วยลดความดันโลหิต นอกจากนี้อาจช่วยผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่อสู้กับอาการอักเสบ เพราะความสามารถในการต้านออกซิเดชัน